การพัฒนาที่ยั่งยืน

การพัฒนาที่ยั่งยืน

บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ

บริษัทฯ ได้ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในการดำเนินกิจการผ่านทางกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน และถือว่าหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมความสำเร็จในภาพรวมของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นองค์กรหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ตามแนวทางที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการประกาศหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 (CG Code) แต่ยังมีบางเรื่องที่บริษัทฯ ยังไม่ได้ปฏิบัติได้ครบทุกข้อในปี 2564 และมีแนวทางในการปรับใช้ให้เหมาะสม ดังนี้

การกำหนดวิธีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการบริษัท แบบ Cumulative Voting

ตามข้อบังคับของบริษัทฯ ข้อที่ 16 ได้กำหนดให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นผู้เลือกตั้งกรรมการบริษัท โดยใช้เสียงข้างมากเป็นมติที่ประชุม และข้อ 16(1) กำหนดให้ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับ 1 หุ้นต่อ 1 เสียง ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่ได้กำหนดและนำใช้วิธีการนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้กำหนดและมีวิธีการดูแลสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย อาทิ สิทธิของผู้ถือหุ้นในการนำเสนอวาระการประชุมผู้ถือหุ้น และการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการบริษัท เป็นต้น

ประธานกรรมการเป็นกรรมการอิสระ

ประธานกรรมการเป็นคนละบุคคลกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งบริษัทฯ ได้แบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน อีกทั้ง ประธานกรรมการไม่ได้เป็นกรรมการที่เป็นผู้บริหาร ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นกรรมการอิสระ แต่เป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในธุรกิจของบริษัทฯ และเปิดโอกาสให้กรรมการทุกคนมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและเสนอข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และคณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งกรรมการอิสระหนึ่งท่าน เพื่อร่วมพิจารณากำหนดวาระการประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี นอกจากนี้ ในการอนุมัติในวาระที่กรรมการที่ไม่ใช่กรรมการอิสระมีส่วนได้เสียจะต้องมีกรรมการอิสระอย่างน้อย 2 ท่าน เข้าร่วมประชุมและออกเสียง

คณะกรรมการมีการจัดตั้ง Risk Management Committee และ CG Committee (เฉพาะระดับกรรมการ)

บริษัทฯ ได้จัดให้มีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในระดับจัดการ โดยมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประธานฯ และยังได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากสายงานต่างๆ ของบริษัทฯ ซึ่งรับผิดชอบในการจัดทำนโยบายบริหารความเสี่ยง กำกับดูแลการจัดการความเสี่ยงและรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัท อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทไม่ได้มีการจัดตั้ง CG Committee เนื่องจากปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้กำกับดูแลให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการ

คณะกรรมการบริษัทมีกรรมการที่เป็นกรรมการอิสระมากกว่า 50%

คณะกรรมการบริษัทมี 9 คน ประกอบด้วยกรรมการบริษัทที่เป็นผู้บริหารจำนวน 2 คน หรือร้อยละ 22.22 และกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร 7 คน หรือร้อยละ 77.77 โดยในจำนวนนี้ มีกรรมการซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการอิสระจำนวน 3 คน หรือร้อยละ 33.33 ซึ่งเป็นไปตามองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัท และกรรมการอิสระ และมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด ซึ่งระบุว่าต้องมีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการบริษัททั้งหมด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 คน

บริษัทฯ ส่งเสริมให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ ยึดแนวทางในการปฏิบัติและพฤติกรรมอันพึงประสงค์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คุณธรรม และจรรยาบรรณธุรกิจ เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่ธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม และได้จัดทำ “คู่มือหลักการกำกับดูแลกิจการ และจรรยาบรรณธุรกิจ” แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนที่มีหน้าที่รับทราบและปฏิบัติ

บริษัทฯ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส โดยมีกระบวนการแจ้งเบาะแสและรับข้อร้องเรียนโดยตรงไปฝ่ายตรวจสอบภายใน เพื่อทำการตรวจสอบ ประสานงานผู้ที่เกี่ยวข้อง ติดตามแก้ไขและสร้างกลไกเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคต และมีการรายงานไปยังคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัท มีการประกาศใช้นโยบาย “No Gift Policy” เพื่อไม่สนับสนุนการรับและให้ของขวัญ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการประกาศเจตนารมย์เข้าเป็นแนวร่วมองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (CAC)

บริษัทฯ มีการประเมินความเสี่ยงและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในเรื่องที่มีสาระสำคัญทั้งของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทในการดำเนินธุรกิจในแต่ละช่วงเวลา การแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน Covid-19 เพื่อลดผลกระทบและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูลสารสนเทศ (IT Security) และภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security)

บริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของและจัดเตรียมเอกสารประกอบการเสียภาษีอย่างครบถ้วนและเพียงพอ รวมถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและภาษีต่อภาครัฐและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย มีการอบรมด้านกฎหมายภาษีอากรอย่างต่อเนื่องแก่พนักงาน เพื่อให้นำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้ถูกต้อง และการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย เป็นต้น

ในปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรก่อนภาษีตามงบการเงินเฉพาะกิจการจำนวน 2,463.8 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เท่ากับ 485.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราภาษีที่แท้จริงร้อยละ 19.7 ต่ำกว่าอัตราภาษีเงินได้ตามที่กฎหมายไทยกำหนดไว้ร้อยละ 20.0 เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้แก่ รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ รายจ่ายเพื่อการศึกษาและเพื่อการกีฬา รายจ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาและฝึกอบรม รายจ่ายในการจ้างคนพิการและรายจ่ายเพื่อการลงทุนในทรัพย์สิน เป็นต้น โดยไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

อย่างไรก็ตามกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ตามงบการเงินรวม เป็นเงิน 2,454.3 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เท่ากับ 528.0 ล้านบาท คิดเป็นอัตราภาษีที่แท้จริงร้อยละ 21.5 เนื่องจากบริษัทย่อยในต่างประเทศ คำนวณอัตราภาษีร้อยละ 15 ถึง 25

กว่า 57 ปีที่ บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดสีทาอาคารในประเทศไทย และยังมุ่งมั่นขยายธุรกิจไปยังประเทศใน AEC ด้วยการขยายธุรกิจในเข้าสู่ตลาดวัสดุก่อสร้างน้ำหนักเบา โดยการขับเคลื่อนการเติบโต 3 กลไกหลัก คือ 1) การเป็นแบรนด์ No.1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร 2) การเพิ่มการเติบโตกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง และ 3) การเร่งขยายธุรกิจใน AEC ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ เป็นมากกว่าสีทาอาคาร ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจร

นวัตกรรมสีทาอาคาร

บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในด้านอารมณ์ ความรู้สึกและความสวยงาม (Emotional Benefits) ผ่านนวัตกรรมสีที่เหนือความคาดหมายของผู้บริโภค จนทำให้ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองผู้บริโภคครบทุกประเภทการใช้งาน

ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ออกนวัตกรรมสีเทคโนโลยีใหม่ TOA Organic Care ที่สุดแห่งความปลอดภัย รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Living Care Innovation ที่มุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อการอยู่อาศัยและความยั่งยืนของโลกใบนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุรวมถึงผู้ที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้และหอบหืด ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ที่นำส่วนผสมจากพืชมาใช้แทนวัตถุดิบจากปิโตรเลียม โดยผ่านการรับรองมาตรฐาน BioPreferred® จาก USDA สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯ เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตภัณฑ์สี TOA Organic Care คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Innovation Award 2022 จากเวทีงานสถาปนิก’65 (Architect’22)

โมเดลธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์การเป็น Total Solution

บริษัทฯ ได้พัฒนาช่องทางการขาย ศักยภาพของทีมบริการและคุณภาพของสินค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าทุกคนเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดี และผลงานเป็นที่น่าพึงพอใจ และการเพิ่มช่องทางบริการที่หลากหลายแบบ One Stop Service ทั้งบริการงานช่างมาตรฐานใหม่ WHO Service เพื่อตอบสนอง Demand ของเจ้าของบ้าน ที่มาจาก Pain Point ในการหาช่างผู้รับเหมางานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้านที่ไว้วางใจได้และมีมาตรฐาน และการที่เชื่อมโยงกับโมเดลธุรกิจ MEGA PAINT & HOME ที่จะเป็นศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการแบบครบวงจร, ศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหารั่ว ซึม ร้าว Protect & Repair Center, บริการออกแบบสีบ้าน TOA Ide@Color และการบริการให้คำปรึกษาการใช้งานผลิตภัณฑ์